มาตรฐานการผลิตและการตรวจวิเคราะห์น้ำดื่มบรรจุขวด: ความปลอดภัยระดับสากลเพื่อผู้บริโภค
มาตรฐานการผลิตและการตรวจวิเคราะห์น้ำดื่มบรรจุขวด: ความปลอดภัยระดับสากลเพื่อผู้บริโภค
น้ำดื่มบรรจุขวดเป็นผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคที่สำคัญอย่างยิ่งในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นในครัวเรือน สำนักงาน สถานศึกษา หรือสถานพยาบาล การควบคุมคุณภาพน้ำดื่มจึงเป็นสิ่งที่ไม่สามารถละเลยได้ และต้องดำเนินการตามมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับทั้งในระดับชาติและนานาชาติ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าผู้บริโภคจะได้รับน้ำดื่มที่สะอาด ปลอดภัย และดีต่อสุขภาพ
มาตรฐานและเกณฑ์ควบคุมคุณภาพน้ำดื่มบรรจุขวด
ประเทศไทยได้กำหนดมาตรฐานคุณภาพน้ำดื่มบรรจุขวดโดย กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข อ้างอิงตาม ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 61 (พ.ศ. 2524) เรื่อง น้ำบริโภคในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท และ ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 135 (พ.ศ. 2534) เรื่อง น้ำบริโภคในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท (ฉบับที่ 2) ซึ่งมีเกณฑ์ควบคุมครอบคลุมในหลายด้าน ยกตัวอย่างเช่น:
- ลักษณะทางกายภาพ: น้ำดื่มต้องมีความใส ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น และไม่มีรสชาติที่ผิดปกติ
- ค่าทางเคมี:
- ค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) ต้องอยู่ในช่วง 6.5 8.5
- ปริมาณแร่ธาตุและสารเคมีต่างๆ ต้องอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัยตามที่กำหนด เช่น ฟลูออไรด์, ไนเตรต, แมงกานีส, เหล็ก, ซัลเฟต เป็นต้น
- ค่าทางจุลินทรีย์: ต้องไม่พบเชื้อโคลิฟอร์มทั้งหมด (Total Coliforms) และเชื้ออีโคไล (E. coli) ในตัวอย่างน้ำขนาด 100 มิลลิลิตร
- โลหะหนัก: ปริมาณโลหะหนัก เช่น ปรอท, ตะกั่ว, แคดเมียม, แมงกานีส, เหล็ก ต้องไม่เกินค่ามาตรฐานที่กำหนด
- สารอินทรีย์และสารพิษอื่นๆ: ปริมาณสารอินทรีย์และสารพิษ เช่น ไซยาไนด์, คลอโรฟอร์ม, คลอรีน ต้องอยู่ในระดับที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
ประเด็นสำคัญในการควบคุมคุณภาพน้ำดื่ม:
แม้จะมีรายการสารปนเปื้อนและเกณฑ์กำกับดูแลมากมาย องค์ประกอบบางประการที่ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษในการตรวจวิเคราะห์ ได้แก่:
1. แมงกานีส (Mn):- มาตรฐานของกรมอนามัยประเทศไทย: ไม่เกิน 0.3 มิลลิกรัมต่อลิตร (Link เว็บไซต์กรมอนามัย)
- มาตรฐานขององค์การอนามัยโลก (WHO): แนะนำไม่เกิน 0.08 มิลลิกรัมต่อลิตร (Link เว็บไซต์ WHO)
- ผลกระทบ: หากมีปริมาณแมงกานีสเกินมาตรฐาน อาจทำให้เกิดตะกอนในน้ำ สีของน้ำเปลี่ยนแปลง และอาจมีการสะสมในร่างกายเมื่อบริโภคเป็นเวลานาน
วิธีการตรวจวิเคราะห์:
- Spectrophotometry: เป็นวิธีที่รวดเร็วและแม่นยำ สามารถวัดค่าการดูดกลืนแสงของสารละลายหลังจากการเติมสารเคมีที่ทำปฏิกิริยากับแมงกานีส ทำให้เกิดสี สามารถตรวจวัดค่าในระดับต่ำ (ppb) และประยุกต์ใช้ในการวิเคราะห์ ณ หน้างานผลิตได้ โดยสารเคมีมีให้เลือกที่เป็นแบบมีและไม่มีส่วนผสมของไซยาไนด์ ซึ่งผู้ใช้งานสามารถเลือกใช้แบบไม่มีสารไซยาไนด์ได้ เพื่อให้ง่ายต่อการจัดการและหมดภาระการขอขึ้นทะเบียนกับหน่วยงานราชการที่ยุ่งยากมาก
- Inductively Coupled Plasma Optical Emission Spectrometry (ICP-OES) หรือ Atomic Absorption Spectroscopy (AAS): เป็นเทคนิคที่มีความแม่นยำสูง เหมาะสำหรับการวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการที่มีคุณภาพ แต่มีค่าใช้จ่ายสูงและไม่สะดวกสำหรับการวิเคราะห์นอกสถานที่
- มาตรฐานของ กรมอนามัยประเทศไทย: ไม่เกิน 0.3 มิลลิกรัมต่อลิตร (Link เว็บไซต์กรมอนามัย)
- มาตรฐานขององค์การอนามัยโลก (WHO): ไม่เกิน 0.3 มิลลิกรัมต่อลิตร (Link เว็บไซต์ WHO)
- ผลกระทบ: ปริมาณเหล็กที่เกินมาตรฐานอาจส่งผลต่อรสชาติและกลิ่นของน้ำ รวมถึงอาจทำให้เกิดคราบสนิมในภาชนะบรรจุ
วิธีการตรวจวิเคราะห์:
- Spectrophotometry: เช่นเดียวกับการวิเคราะห์แมงกานีส วิธีนี้สามารถวัดค่าการดูดกลืนแสงหลังการเกิดปฏิกิริยาสีได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ และสามารถทำได้ ณ หน้างานผลิต
- Atomic Absorption Spectroscopy (AAS): เป็นวิธีที่มีความแม่นยำและความน่าเชื่อถือสูง เหมาะสำหรับการวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการ แต่มีข้อจำกัดด้านค่าใช้จ่ายและความสะดวกในการใช้งานนอกสถานที่
3. ฟลูออไรด์ (F):
- มาตรฐานของประเทศไทยและ WHO: ไม่เกิน 0.7 มิลลิกรัมต่อลิตร (Link เว็บไซต์กรมอนามัย), (Link เว็บไซต์ WHO)
- ผลกระทบ: ฟลูออไรด์ในปริมาณที่เหมาะสมมีส่วนช่วยในการป้องกันฟันผุ แต่หากได้รับในปริมาณที่มากเกินไป อาจก่อให้เกิดภาวะฟันตกกระหรือความผิดปกติของกระดูก
วิธีการตรวจวิเคราะห์:
- Ion Selective Electrode (ISE): เป็นการใช้ขั้วไฟฟ้าที่มีความจำเพาะต่อไอออนฟลูออไรด์ในการวัดปริมาณ
- SPADNS Method: เป็นวิธีที่ทำให้เกิดสารสีที่มีความสัมพันธ์กับปริมาณฟลูออไรด์ และวัดค่าด้วยเครื่อง Spectrophotometer ซึ่งให้ผลรวดเร็ว แม่นยำ และสามารถวิเคราะห์ ณ หน้างานผลิตได้
4. เชื้อจุลินทรีย์ (Bacterial Contamination):
- เกณฑ์: ต้องไม่พบเชื้อจุลินทรีย์ในน้ำดื่ม
- เชื้อหลักที่ตรวจ: โคลิฟอร์มทั้งหมด (Total Coliforms) และอีโคไล (E. coli หรือ Fecal Coliforms) ซึ่งเป็นดัชนีบ่งชี้ถึงการปนเปื้อนจากสิ่งปฏิกูล
วิธีการตรวจวิเคราะห์:
- Membrane Filtration (MF): เป็นการกรองน้ำผ่านแผ่นกรองที่มีขนาดรูพรุน 0.45 ไมโครเมตร เพื่อดักจับเชื้อจุลินทรีย์ จากนั้นนำแผ่นกรองไปเพาะเลี้ยงบนอาหารเลี้ยงเชื้อ
- Most Probable Number (MPN): เป็นวิธีการประเมินปริมาณเชื้อจุลินทรีย์เบื้องต้นโดยใช้ชุดหลอดทดลองหลายชุด
- Colilert Test: เป็นชุดทดสอบแบบเร่งด่วนที่สามารถให้ผลการตรวจหาเชื้อโคลิฟอร์มและอีโคไลได้อย่างแม่นยำภายใน 24 ชั่วโมง
บทสรุป:
มาตรฐานการผลิตและการตรวจวิเคราะห์น้ำดื่มบรรจุขวดเป็นกระบวนการที่ต้องอาศัย ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ และ ระบบควบคุมคุณภาพที่เข้มงวด โดยมี กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข และ องค์การอนามัยโลก (WHO) เป็นหน่วยงานหลักในการกำหนดมาตรฐานและแนวทางปฏิบัติ เพื่อปกป้องผู้บริโภคจากสารปนเปื้อนที่เป็นอันตรายต่างๆ เช่น แมงกานีส เหล็ก ฟลูออไรด์ และเชื้อแบคทีเรีย การใส่ใจในทุกขั้นตอนการผลิต ตั้งแต่แหล่งน้ำดิบจนถึงกระบวนการบรรจุภัณฑ์ จึงเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความมั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัยของน้ำดื่มทุกหยดที่ส่งมอบสู่ผู้บริโภค ในส่วนของการวิเคราะห์คะณภาพน้ำดื่ม พารามิเตอร์ต่างๆ สามารถติดต่อสอบถามขอข้อมูลเพิ่มเติมจากทีมงานได้ทันที บริษัทฯ มีอุปกรณ์ เครื่องมือ และ สารเคมีสำหรับวิเคราะห์คุณภาพน้ำเป็นไปตามมาตรฐานสากล